พิมเคยพาเพื่อน ๆ ไปกินอาหารปิ้งๆย่างๆ กันอยู่บ่อยครั้งแล้ว คาดว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะเบื่อ วันนี้พิมเลยขอพาเพื่อน ๆ ไปกินแบบต้ม ๆ ลวก ๆ ที่เค้าเรียกว่าชาบูกันบ้างค่ะ
วันที่ไปทาน :: 29 ธันวาคม 2554
จะว่าไป ... พิมเคยเห็นรีวิวร้านนี้จากในเพื่อนๆ ในนตมาหลายครั้งแล้วค่ะ ก็เคยคิดว่าจะชวนคุณสามีไปหลายทีแล้ว แต่ช่วงที่ผ่านมาและช่วงนี้พิมอยากประหยัดค่ะ อะไรเซฟได้ก็อยากเซฟนะ ก็เลยไม่ได้ชวนคุณสามีไปซะที และก็ลืม ๆ เรื่องที่ว่าอยากไปลองชิมที่ร้านนี้ไปเลยอ่ะค่ะ จนกระทั่งวันนึงมีน้องชายนายนึงที่รู้จักกันและทำงานอยู่แถว ๆ นั้น เค้าไปกินที่ร้านนี้มาหลายครั้งแล้ว และก็นึกยังไงไม่รู้ ครั้งนี้เค้าก็มาชวนคุณสามี คุณสามีก็มาชวนพิมต่อ ตอนแรกพิมก็ว่าจะไม่ไปแล้ว แต่เอ๊าาา ไหน ๆ สามีชวนทั้งที ไปก็ไปค่ะ
ร้าน Shabu Bar เป็นร้านแนวชาบูๆ อีกร้านนึงที่เพิ่งเปิดใหม่ไม่นานมาก แถมด้วยราคาที่ไม่สูงจนเกินไปนัก เพียง 229 บาทต่อคน ก็เลยทำให้ร้านนี้เป็นที่สนใจของคนชอบชาบู ๆ ไม่น้อยค่ะ
เกือบลืม .... ร้านนี้ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 71 ซึ่งถ้าใครขับรถมาจากทางปากซอย ก็ขับตรงเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ ร้านจะอยู่ทางด้านซ้ายมือใกล้ ๆ กับสามแยกที่เลี้ยวซ้ายแล้วจะไปนาคนิวาสนะคะ
ซึ่งที่หน้าร้านนอกจากเค้าจะมีป้ายบอกราคาต่อหัวเอาไว้แล้ว เค้าก็ยังจะมีรายการอาหารโชว์ไว้ที่ป้ายด้านหน้าร้านด้วยอ่ะค่ะ ..... ย้ำว่า !! ดูแล้วจำๆ ไปด้วยนะคะ เพราะอาหารบางอย่างเค้าจะเก็บไว้ที่เคาเตอร์ ไม่ได้ใส่ไว้ในตู้ให้เราพร้อมหยิบเลย เพราะนั้นเราจะไม่เห็นและไม่รู้ว่ามีหรือไม่ ต้องสั่งกับพนักงานอย่างเดียวถึงจะได้อ่ะค่ะ
และเมื่อพร้อมแล้ว ... คุณสามีก็ขอชักภาพสักภาพ ก่อนเข้าไปในร้านค่ะ ^^
บรรยากาศภายในร้าน Shabu Bar นี้ เมื่อเข้าไปครั้งแรกหากไม่บอกว่าเป็นร้านชาบู บางคนเช่นพิมก็อาจจะคิดว่าเป็นร้านแนว ๆ ขายเค้ก กาแฟ เบเกอรี่ ขนมหวานอะไรทำนองนั้น
เพราะว่าภายในร้าน.....เค้าตกแต่งได้ออกแนวน่ารักหวานแหววมาก ๆ เลยอ่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะไม้สีขาว หน้าตาทรงโค้ง ผ้าม่านลายดอกไม้ ที่ผูกผ้าม่านแบบมีพู่
เสาและบัวแบบโคมไฟแนวโรมัน กระถางดอกไม้เล็กใหญ่ที่วางตั้งอยู่ห่างกันเป็นระยะๆ ... เรียกว่าเป็นร้านที่ตกแต่งได้แนวถูกใจสาว ๆ มากเลยอ่ะค่ะ ^__^
และเมื่อเข้าไปภายในร้านแล้ว สิ่งแรกที่เราจะต้องทำก็คือการหาโต๊ะนั่งค่ะ โดยปกติแล้วบางร้านเค้าก็จะหาโต๊ะให้เราเอง แต่ที่ร้านนี้เค้าจะเป็นแบบว่าถามเราก่อนว่าเรามากี่คน แล้วก็จะหาโต๊ะให้ตามจำนวนคนที่เราไปอ่ะค่ะ ซึ่งสำหรับพิมวันนี้ไปกัน 3 คนก็ได้โต๊ะ 4 ที่นั่งแบบในภาพด้านบนอ่ะนะคะ
เมื่อเราเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว น้องพนักงานเค้าก็จะบอกเราว่าให้เราไปหยิบอาหารได้ที่ในตู้แช่ได้เลย ซึ่งตู้แช่ก็จะอยู่บริเวณด้านในของร้านนะคะ
ในตู้แช่ (ตามรูปด้านบน) ก็จะมีเนื้อสัตว์แยกไว้เป็นประเภทค่ะ ช่องริมซ้ายสุดเป็นเนื้อ ช่องตรงกลางเป็นทะเลและผัก และช่องขวาสุดเป็นหมู ... และนอกจากเนื้อสัตว์กับผักในตู้แช่แล้ว บริเวณด้านข้างตู้แช่ก็ยังมีพวกข้าวผัด ของทานเล่น น้ำจิ้ม และก็เครื่องดื่มไว้ให้เราเลือกตักเลือกทานด้วยอ่ะค่ะ
ซึ่งคุณสามีพิมกับน้องที่พาพิมไป 2 คนนี้ก็ไปยืนเลือกกันเพลินเลย ^^
เลือกเสร็จแล้ว ก็หยิบที่เลือกกลับมาวางไว้ที่โต๊ะนะคะ
ซึ่งที่เลือกมาก็จะมีหมูสันคอ , เนื้อติดมัน , เนื้อลายมัน , แมงกระพรุน , หมึก , ตับหมู
ป.ล. "หมึก" เราต้องเรียกว่า "หมึก" นะคะ ไม่ใช่ "ปลาหมึก" เพราะหมึกไม่ใช่ปลาจ๊ะ
ป.ล. บางอย่างที่อยากกินก็ไม่มีในตู้แช่ค่ะ วันที่พิมไป ก็ไม่รู้ว่าสามารถสั่งสิ่งที่ไม่มีในตู้แต่มีบอกไว้ที่ป้ายหน้าร้านกับพนักงานได้ ก็ถือว่าเสียเปรียบไปนิดนึงเน๊าะค่ะ
ปูอัด , ชิกุวะ , เต้าหู้ปลา , ลูกชิ้นปลา , กุ้ง , ลูกชิ้นกุ้ง
ผักสด (เค้าจัดไว้เป็นถ้วยแบบนี้แล้ว เลือกไม่ได้ ไม่กินอันไหนก็ต้องกินค่ะ ไม่งั้นเค้าปรับนะ) น้ำจิ้ม และก็น้ำเป๊ปซี่ กับพันซ์ค่ะ
เมื่อเครื่องพร้อม น้ำซุปพร้อม ....... ก็มาลงมือทานกันได้เลยค่ะ ^^
ซึ่งขอบอกว่าเนื้อสัตว์โดยรวมของที่นี่แม้จะไม่สดมาก แต่ก็สดใช้ได้กับราคา 229 บาทค่ะ ยกเว้นเสียแต่พวกลูกชิ้น เต้าหู้ปลา อันนี้บางชิ้นบางลูกออกรสเปรี้ยวแล้ว แต่บางลูกก็ยังรสปกติดีอยู่ค่ะ เหมือนเค้าเอามาปน ๆ กัน แต่ส่วนที่พิมว่าไม่เวิร์คอย่างแรงก็คือ กุ้งค่ะ ... กุ้งนี่ค่อนข้างจะไม่สดมากแล้ว เพราะหัวกุ้งเริ่มดำมาก และก็เริ่มจะหลุดออกจากตัวกุ้งแล้ว ที่พิมเลือกมาในภาพด้านบนนี่คือที่ว่าหัวดำน้อยที่สุดแล้วอ่ะค่ะ
ส่วนเนื้อสัตว์ของที่นี่ที่พิมไม่ได้คาดหวัง แต่กลับรู้สึกว่า อืม...ม มันอร่อยกว่าที่คิดแห๊ะ นั่นก็คือหมูเด้งอ่ะค่ะ หมูเด้งของที่นี่เค้าไม่เหมือนที่เราซื้อตามตลาด เนื้อหมูออกจะเด้ง ๆ ดึ๋ง ๆ หน่อยแต่ก็ยังมีรสสัมผัสของความเป็นเนื้อหมูอยู่ แล้วก็รสชาติกำลังดีค่ะ หากใครไปก็อยากให้ลองเจ้าตัวนี้ดูนะคะ
อ้อ ๆ เกือบลืม นอกจากของหนักท้องจำพวกเนื้อสัตว์ผักแล้ว เค้าก็ยังมีพวกของทานเล่นให้หยิบมาทานด้วยค่ะ ซึ่งจากป้ายด้านหน้าร้านมีประมาณ 4 อย่าง แต่ของจริงมีเพียงแค่อย่างเดียว ก็คือ เกี๊ยวทอดอ่ะค่ะ ซึ่งสำหรับพิม....พิมว่าคุณภาพไม่ค่อยโอเคค่ะ คือ ไม่มีหมูข้างในสักนิ๊ดดดดเดียว เป็นแป้งเกี๊ยวเปล่า ๆ เลย แล้วตัวเกี๊ยวก็ไม่กรอบนุ่มนวล แต่ออกไปทางกรอบแข็งๆ มากกว่า เคี้ยวลำบากค่ะ ... ขนาดหยิบมา 2 ชิ้น กิน 3 คนยังไม่หมดเลยจ้า
ป.ล. ข้อนึงที่พึงระลึกไว้เวลาไปทานบุฟเฟท์ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามคือ หยิบตักอาหารครั้งแรก หยิบมาแต่น้อย สั่งมาแต่น้อย เพื่อเอามาชิมก่อนค่ะว่าถูกปากไหม อร่อยไหม ถ้ามันโอเคแล้วค่อยสั่งเพิ่มนะคะ ไม่งั้นแล้วอาจจะถูกปรับได้ถ้าหากทานแล้วเหลือน่ะค่ะ
และแล้วหลังจากพวกเราใช้เวลานั่งกินไปประมาณ ชม. กว่าๆ ก็อิ่มกันเป็นที่เรียบร้อยล่ะค่ะ
สุดท้ายก็ขอตบท้ายด้วยเฉาก๊วยซึ่งเป็นขนมหวานประจำวันสักหน่อย (อันนี้ขอแนะนำ อร่อยและหอมมากค่ะ)
ก่อนที่จะเช็คบิลแล้วกลับบ้าน ด้วยค่าเสียหายที่ 687 สำหรับ 3 คนค่ะ ^^